นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมชลประทาน มีนโยบายในการลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังในฤดูแล้ง63/64 เพื่อประหยัดน้ำต้นทุน โดยการสนับสนุน ส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งมีความต้องการใช้น้ำตลอดอายุการเก็บเกี่ยวเฉลี่ยถึง 1,280 ลบ.ม./ไร่ สำนักงานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน จึงได้สั่งการให้โครงการชลประทานในสังกัดทั้ง 5 จังหวัด (ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด) ลงพื้นที่ไปประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรในเขตพื้นที่ชลประทานได้ปรับเปลี่ยนจากการทำนาปรังมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภคตลอดฤดูแล้งและสำรองไว้ใช้ในฤดูฝนนี้
ด้านนายเรืองโชค ชัยคำรงค์กุล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพรม-เชิญ เปิดเผยว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 ใช้น้ำต้นทุนจากลำน้ำเชิญซึ่งรับน้ำมาจากเขื่อนจุฬาภรณ์ มีพื้นที่ชลประทาน 20,000 ไร่ ในฤดูแล้งปี 63/64 ได้ส่งน้ำสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งทั้งสิ้น 13,000 ไร่ แบ่งเป็นข้าวนาปรัง 5,000 ไร่ อ้อย 6,000 ไร่ ถั่วเหลือง 1,100 ไร่ และพืชผักสวนครัวอีกประมาณ 900 ไร่ ซึ่งหากเกษตรกรทำการปลูกข้าวเต็มพื้นที่ 13,000 ไร่ จะต้องใช้น้ำเพื่อการเกษตรประมาณ 16.6 ล้าน ลบ.ม. ในช่วงต้นฤดูแล้งที่ผ่านมาโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพรม-เชิญ ได้ลงพื้นที่รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย อาทิเช่น ในปีนี้เกษตรกรในพื้นที่อำเภอชุมแพได้เปลี่ยนจากการทำนาปรังมาปลูกถั่วเหลืองถึง 1,100 ไร่ ซึ่งถั่วเหลืองมีความต้องการใช้น้ำตลอดอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 702 ลบ.ม./ไร่ ทำให้ในพื้นที่นี้ประหยัดน้ำได้มากกว่า 600,000 ลบ.ม. และยังสามารถนำน้ำปริมาณนี้ไปสนับสนุนการประปาส่วนภูมิภาคสาขาชุมแพได้ตลอดทั้งเดือนอีกด้วย นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีน้ำสำรองไว้ใช้อย่างเพียงพอในช่วงต้นฤดูฝนเดือน พ.ค.-ก.ค. ที่จะถึงนี้
ด้านนายเสริม แสงแก้ว เกษตรกรตำบลนาเพียง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าเมื่อหน่วยงานราชการมีนโยบายให้ลดพื้นที่ทำนาก็เข้าใจข้อจำกัดเรื่องน้ำต้นทุน จึงพยายามหาอาชีพมาเสริมหรือทดแทน เมื่อช่วงฤดูแล้งปี61/62 ตนได้รับข้อมูลการปลูกพืชใช้น้ำน้อยจากเจ้าหน้าที่ชลประทาน จึงได้แบ่งพื้นที่นาเป็น 2 ส่วน ปลูกข้าว 1 ส่วนและปลูกถั่วเหลืองพันธุ์เชียงใหม่ 60 อีก 1 ส่วน เมื่อถั่วเหลืองถึงอายุเก็บเกี่ยว 3 เดือนได้ผลผลิตประมาณ 4,500 กิโลกรัม ราคารับซื้อประมาณกิโลกรัมละ 16-20 บาท ตนเห็นว่าถั่วเหลืองเป็นพืชที่ไม่ต้องบำรุงมากต้นทุนน้อยและรายได้ดีกว่าการทำนา ปีนี้จึงปลูกถั่วเหลืองเต็มพื้นที่ทั้ง 30 ไร่
4 มีนาคม 2564
งานประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักงานชลประทานที่ 6
กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
